วันพุธที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2553

ข้อดีและข้อเสียของFlowchart

ข้อดีและประโยชน์ของผังงาน
1. ทำให้เข้าใจและแยกแยะปัญหาต่าง ๆ ได้ง่ายขึ้น
2. ผู้เขียนโปรแกรมมองเห็นลำดับการทำงาน รู้ว่าสิ่งใดควรทำก่อน สิ่งใดควรทำหลัง
3. สามารถหาข้อผิดพลาดของโปรแกรมได้ง่าย
4. ทำให้ผู้อื่นเข้าใจการทำงานได้ง่ายกว่าการดูจาก source code
5. ไม่ขึ้นกับภาษาคอมพิวเตอร์ภาษาใดภาษาหนึ่ง ผู้อื่นสามารถเรียนรู้และเข้าใจได้ง่าย

จุดอ่อนและข้อด้อยของ Flowchart
1. การหาภาพที่เหมาะสมอาจหาได้ยาก
2. ความพร้อมของอุปกรณ์และความสามารถในการถ่ายภาพ
3. ไฟล์ภาพมีขนาดใหญ่ในการจัดเก็บในคอมพิวเตอร์

ตัวอย่างที่2

ตัวอย่างที่1

วันจันทร์ที่ 7 มิถุนายน พ.ศ. 2553

แบบฝึกหัดท้ายบทที่1

แบบประเมินผลการเรียนรู้ที่ 1
1. การหาแนวทางการแก้ไขปัญหา มีด้วยกันทั้งหมดกี่ขั้นตอน
ค. 5 ขั้นตอน
2. ขั้นตอนใดที่ต้องทำเป็นขั้นตอนแรกในการหาแนวทางแก้ไขปัญหา
ก. การทำความเข้าใจกับปัญหา
3. ขั้นตอนใดที่ต้องทำเป็นขั้นตอนสุดท้ายในการหาแนวทางในการแก้ปัญหา
ง. การทดสอบลำดับขั้นตอนวิธีการแก้ปัญหา
4. ข้อใดไม่ใช่วิธีการในการพัฒนาโปรแกรมเพื่อนำมาใช้ช่วยในการแก้ปัญหา
ข. อยู่หน้าเครื่องแล้วทดลองเขียนโปรแกรม
5. ขั้นตอนในการหาว่า “การแก้ไขปัญหาที่ต้องการจะแก้ไขนั้น ต้องการข้อมูลใดบ้าง เพื่อใช้ในการแก้ปัญหา และหลังจากเข้าใจปัญหาเสร็จเรียบร้อยแล้ว จะส่งค่าใดกลับไป” คือข้อใด
ง. การทำความเข้าใจกับปัญหา
6. เมื่อพิจารณาในส่วนของข้อมูลที่จะส่งให้กับเครื่องคอมพิวเตอร์เพื่อใช้ในการแก้ปัญหา และข้อมูลที่เครื่องคอมพิวเตอร์ส่งกลับมาหลังจากการแก้ปัญหาเรียบร้อยแล้ว จะต้องทำขั้นตอนใดเป็นขั้นตอนต่อไป
ข. การทดลองแก้ไขปัญหาด้วยตนเอง
7. ข้อใดกล่าวถึงคอมพิวเตอร์ไม่ถูกต้อง
ง. ถูกทุกข้อ
8. การหาวิธีการเข้าใจปัญหาที่ถูกต้องและเหมาะสม จะกระทำในขั้นตอนใด
ค. การพัฒนาลำดับขั้นตอนวิธีการแก้ปัญหา
9. ขั้นตอนในการพิจารณาลำดับขั้นตอนวิธีการแก้ปัญหา จะนำขั้นตอนในการแก้ปัญหาขั้นตอนใดในการมาใช้พัฒนา
ข. การทดสอบลำดับขั้นตอนวิธีการแก้ปัญหา
10. ในส่วนของขั้นตอนในการพัฒนาลำดับขั้นตอนวิธีการแก้ปัญหา ประกอบด้วยขั้นตอนย่อยกี่ขั้นตอน
ข. 3 ขั้นตอน
11. ในส่วนของขั้นตอนในการพัฒนาลำดับขั้นตอนวิธีการแก้ปัญหา จะต้องทำสิ่งใดเป็นลำดับแรก
ก. การอธิบายการทำงานอย่างหยาบ
12. ข้อใดกล่าวถึงคำสั่งเทียมได้อย่างถูกต้อง
ค. เป็นภาษาที่ใกล้เคียงกับภาษคอมพิวเตอร์
13. คำสั่งเทียมถูกพัฒนาจากขั้นตอนใด
ง. การอธิบายลำดับขั้นตอนการทำงานอย่างละเอียด
14. ขั้นตอนการหาแนวทางในการแก้ปัญหานั้น เมื่อทำการทดลองแก้ปัญหาด้วยตนเองแล้วจะต้องทำขั้นตอนใดต่อไปนี้
ค. การทำความเข้าใจกับปัญหา
15. ถ้าต้องการหาจำนวนเงินทอนที่ต้องถอนให้กับลูกค้า จากสูตร
เงินทอน = เงินที่ลูกค้าจ่าย- ราคาสินค้า
จะเขียนเป็นการอธิบายลำดับขั้นตอนการทำงานได้เป็นข้อใด
ค. เงินทอน เงินที่ลูกค้าจ่าย – ราคาสินค้า
16. ถ้าต้องการกำหนดค่าให้ตัวแปร N = 10 สามารถเขียนเป็นคำสั่งเทียมได้ในข้อใด
ค. N 10
17. การหาแนวทางการแก้ปัญหาขั้นตอนใดที่ต้องทำเป็นขั้นตอนสุดท้าย
ก. การทดสอบลำดับขั้นตอนวิธีการแก้ปัญหา
18. การทดสอบลำดับขั้นตอนวิธีการแก้ปัญหานั้น จะใช้ในการทดสอบแนวทางแก้ปัญหาในขั้นตอนใด
ข. การพิจารณาลักษณะของข้อมูลเข้าและข้อมูลออก
19. ในการทดสอบลำดับขั้นตอนวิธีการแก้ปัญหา ควรจะทดสอบด้วยข้อมูลจำนวนกี่ชุดข้อมูล
ข. 2 ชุดข้อมูล
20. ข้อใดใช้ในการพัฒนาต่อให้เป็นภาษาคอมพิวเตอร์
ก. คำสั่งเทียม

ตอนที่ 2 จงแสดงวิธีทำ

1. สมศักดิ์มีเงินเก็บสะสมอยู่จำนวนหนึ่ง ถ้านำไปฝากไว้กับธนาคาร โดยธนาคารคิดอัตราดอกเบี้ย 4.5% ต่อปี สมศักดิ์ต้องฝากเงินกับธนาคารเป็นจำนวนกี่ปี ถึงจะมีเงินเก็บเป็น 2 เท่าของจำนวนเงินที่มีอยู่ในขณะปัจจุบัน
ข้อมูลเข้าของปัญหานี้ คือ จำนวนเงินฝากธนาคาร เป็นข้อมูลที่เป็นตัวเลขจำนวนเต็ม และเวลาที่ฝากเงินกับธนาคาร เป็นข้อมูลที่เป็นตัวเลขจำนวนเต็ม
ข้อมูลออกของปัญหานี้ คือ จำนวนเงินฝากธนาคารทั้งหมดที่มีอยู่ในปัจจุบัน เป็นข้อมูลที่เป็นตัวเลขจำนวนเต็ม และเวลาที่ฝากเงินกับธนาคารจำนวนกี่ปี เป็นข้อมูลที่เป็นตัวเลขทศนิยม

2. สมศักดิ์, สมศรี และสมชาย ทำงานที่บริษัทแห่งหนึ่ง ซึ่งทั้ง 3 คนได้รับเงินเดือนไม่เท่ากัน ในกรณีที่ต้องการหาเงินเดือนเฉลี่ยของทั้ง 3 คน
ข้อมูลเข้าของปัญหานี้ คือ จำนวนเงินเดือนทั้ง 3 คน เป็นข้อมูลที่เป็นตัวเลขจำนวนเต็ม และเวลาเข้าทำงานทั้ง 3 คน เป็นข้อมูลที่เป็นตัวเลขทศนิยม
ข้อมูลออกของปัญหานี้ คือ จำนวนเงินเดือนที่ได้รับทั้ง 3 คน เป็นข้อมูลที่เป็นตัวเลขทศนิยม

3. สายสมรเป็นพนักงานของร้านค้าแห่งหนึ่ง มีหน้าที่ในการนำเงินที่ได้จากการขายสินค้าในแต่ละสัปดาห์ไปฝากธนาคาร จงหาแนวทางแก้ปัญหาทั้ง 5 ขั้นตอน ในการหาผลรวมของจำนวนเงินที่สายสมรนำไปฝากที่ธนาคารภายใน 1 เดือน ว่ามีจำนวนเงินเท่าใด เมื่อคิดที่ 1 เดือนมีทั้ง 4 สัปดาห์ และจำวนวนเงินเฉลี่ยที่นำไปฝากแต่ละสัปดาห์

Problem statement
คำนวณหาเงินที่ต้องนำไปฝากธนาคารภายใน 1 เดือน และคำนวณหาจำนวนเงินเฉลี่ยที่นำไปฝากธนาคารแต่ละสัปดาห์
Input Output DescriptionInput คือ จำนวนเงินที่ขายสินค้า เป็นข้อมูลที่เป็นตัวเลขจำนวนเต็ม และจำนวนเดือนที่ต้องนำเงินไปฝากธนาคาร เป็นข้อมูลที่เป็นตัวเลขจำนวนเต็ม
Input คือ จำนวนเงินที่ขายสินค้า เป็นข้อมูลที่เป็นตัวเลขจำนวนเต็ม และจำนวนเดือนที่ต้องนำเงินไปฝากธนาคาร เป็นข้อมูลที่เป็นตัวเลขจำนวนเต็ม
Output คือ จำนวนเงินเฉลี่ยที่นำฝากธนาคารแต่ละสัปดาห์ เป็นข้อมูลที่เป็นตัวเลขทศนิยม

Hand Example
จำนวนเงินที่ต้องนำฝากธนาคาร
= จำนวนเงินที่ได้จากการขายสินค้า / จำนวนเดือน

Algorithm DevelopmentDecomposition1. เริ่มต้น
2. รับค่าของราคาขายสินค้า
3. คำนวณหาค่าของจำนวนเงินที่ต้องนำไปฝากธนาคารเป็นรายสัปดาห์
4. แสดงค่าของจำนวนเงินที่ต้องนำไปฝากธนาคาร
5. จบการทำงาน

Refinement
1. เริ่มต้น
2. รับค่าของราคาขายสินค้า
3. คำนวณหาค่าของจำนวนเงินที่ต้องนำไปฝากธนาคารเป็นรายสัปดาห์จำนวนเงินที่ต้องนำฝาก ß จำนวนเงินขายสินค้า / จำนวนสัปดาห์
4. แสดงค่าของจำนวนเงินที่ต้องนำไปฝากธนาคาร
5. จบการทำงาน

Pseudo Code
Begin
Read Price
Read Month
Payment ß Price / WeekWrite
Payment
End

วันอังคารที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2553

หลักการออกำแบบและพัฒนาโปรแกรม

หลักการออกำแบบและพัฒนาโปรแกรม
จุดประสงค์รายวิชา
1. เพื่อให้มีความรู้ความสามารถ วิเคราะห์ปัญหา และกำหนดขั้นตอนการแก้ปัญหา ด้วยคอมพิวเตอร์2. เพื่อให้มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับขั้นตอนของการออกแบบโปรแกรม3. เพื่อให้มีความสามารถในการออกแบบและพัฒนาโปรแกรม4. เพื่อให้เห็นคุณค่าถึงความสำคัญของการออกแบบโปรแกรม
มาตรฐานรายวิชา
1. อธิบายขั้นตอนการออกแบบและการพัฒนาโปรแกรม2. ปฏิบัติการออกแบบและพัฒนาโปรแกรม
คำอธิบายรายวิชา
ศึกษา และปฏิบัติ เกี่ยวกับการใช้คอมพิวเตอร์ แก้ไขปัญหาการทำงาน การวิเคราะห์ปัญหา การกำหนดขั้นตอนการทำงาน (Algorithm) การเขียนผังงาน การสร้างเซตกับผังงาน การเขียนรหัสเทียม (Pseudo Code) หลักการออกแบบโปรแกรม และการพัฒนาโปรแกรม